เกริ่นนำ
ประเทศไทยมีแหล่งธรรมชาติที่ควรอนรักษ์หลากหลายประเภท
ได้มีการจัดแบ่งแหล่งธรรมชาติออกเป็น แหล่งธรรมชาติที่เคลื่อนไหว หมายถึง
แหล่งธรรมชาติที่สามารถฟื้นคืนสภาพได้ เช่น ป่าไม้ ทุ่งหญ้า และแหล่งธรรมชาติที่เคลื่อนไหวไม่ได้
หมายถึง แหล่งธรรมชาติที่ไม่สามารถฟื้นคืนสภาพได้หากถูกทำลายไป เช่น ภูเขา ถ้ำ
น้ำตก โป่งพุร้อน เกาะ แก่ง หาดทราย หาดหิน ทะเลสาบ หนอง บึง ซากดึกดำบรรพ์
ธรณีสัณฐาน และภูมิลักษณวรรณา ฯลฯ แหล่งธรรมชาติบางแห่งมีคุณลักษณะพิเศษที่โดดเด่น
บางแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหาได้ยาก
หรือบางแห่งมีเรื่องเล่าสืบสานประวัติความเป็นมาของวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นบางแห่งมีคุณค่าความสำคัญในระดับประเทศ
และบางแห่งมีคุณค่าความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
จากคุณค่าความสำคัญดังกล่าว สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(สผ.) จึงได้รวบรวมข้อมูลแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526
รวมทั้งสิ้น 2,362 แห่ง และคัดเลือกแหล่งธรรมชาติ จำนวน 263 แห่ง
เสนอคณะรัฐมนตรีประกาศให้เป็นแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน
2532 และในปี พ.ศ. 2547 สผ. ได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย
สำรวจแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์เพิ่มเติม ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศไม่น้อยกว่า
4,700 แห่ง
บางแห่งที่เคยสำรวจพบว่ามีคุณค่าความสำคัญขณะนี้อาจอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม
หรือถูกทำลายจนลดคุณค่าความสำคัญลงและบางแห่งอาจมีคุณค่าความสำคัญในระดับประเทศแต่ยังไม่ได้ประกาศให้เป็นแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ของท้องถิ่น
แหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ของท้องถิ่นได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้าน
เช่น ด้านนันทนาการ ด้านการศึกษา ฯลฯ แต่ในปัจจุบันแหล่งธรรมชาติได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น
โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งหลายฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ
และพยายามผลักดันเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
ความหมายของแหล่งธรรมชาติ
แหล่งธรรมชาติในที่นี้หมายถึง สิ่งที่มีอยู่และเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
มีสภาพและการเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา
มีระบบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในตัวเองด้วยปัจจัยต่างๆ กัน
และองค์ประกอบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจค่อยเป็นค่อยไปจนยากที่จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
แต่ในระยะยาว อาจตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงนั้นได้
และในบางครั้งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจรวดเร็วจนเห็นได้ชัด แล้วแต่กรณี
มนุษย์อาจใช้บางสิ่งของแหล่งธรรมชาติให้เกิดประโยชน์กับตนเองได้
และมักเรียกแหล่งธรรมชาติประเภทนั้นว่า ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ ก๊าซ ถ่านหิน
หรือน้ำมันใต้ดิน ป่าไม้ ปลาในน้ำ เป็นต้น
แต่ผลจากการใช้ประโยชน์ของมนุษย์อาจทำให้เกิดการสูญสลายของแหล่งธรรมชาตินั้นได้
ถ้าปราศจากความเข้าใจในการใช้ทรัพยากรนั้นๆ
แต่เดิมการใช้ประโยชน์จากแหล่งธรรมชาติยังมีน้อย
จึงทำให้คนส่วนใหญ่ละเลยไม่ได้ให้ความสนใจกับแหล่งธรรมชาติทั่วๆ ไป มักมุ่งเน้นแต่เฉพาะแหล่งธรรมชาติที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น
แต่ในปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติเหลือน้อยลง และแหล่งธรรมชาติอื่นๆ
ถูกใช้ประโยชน์มากขึ้น
ในขณะเดียวกันก็มีการทำลายแหล่งธรรมชาติโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
รัฐบาลในหลายประเทศได้เห็นแนวโน้มของการทำลายแหล่งธรรมชาติ
ซึ่งนับวันจะเพิ่มมากขึ้นตามสภาพการพัฒนาต่างๆ ดังนั้นจึงเกิดความสนใจ
และได้ร่วมมือกันหาแนวทางในการอนุรักษ์แหล่งธรรมชาติต่างๆ มากขึ้น
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแหล่งธรรมชาติ
และได้เริ่มทำการอนุรักษ์แหล่งธรรมชาติที่สำคัญ โดยกรมป่าไม้ (ปัจจุบันคือ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช)
ได้เริ่มดำเนินการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติขึ้นเป็นแห่งแรกที่ป่าภูกระดึง จังหวัดเลย
ตั้งแต่ พ.ศ. 2486 แต่เนื่องจากการขาดแคลนงบประมาณและเจ้าหน้าที่
จึงไม่สามารถดำเนินการจนสมบูรณ์ได้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีความสนใจในการคุ้มครองแหล่งธรรมชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้ จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรี ด่วนมากที่ กษ 2206/2502 ลงวันที่
16 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ยืนยันไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ
ว่านายกรัฐมนตรีมีความปรารถนาที่จะจัดให้มีอุทยานแห่งชาติขึ้นและจะต้องดำเนินการให้สำเร็จ
และให้รีบดำเนินการประกาศ และจัดทำร่างพระราชบัญญัติที่จะใช้บังคับต่อไปดดยด่วน
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประเทศไทยจึงได้มีกฎหมายคุ้มครองพื้นที่แหล่งธรรมชาติขึ้น โดยมีการประกาศอุทยานแห่งแรกคือ
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี และนครราชสีมา
ซึ่งได้มีการประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 18 กันยายน พศ.ศ 2505
ใช้เวลาดำเนินการอย่างเร่งด่วนทั้งสิ้นเป็นเวลา 3 ปีเต็ม
ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่แหล่งธรรมชาติที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายอนุรักษ์แล้ว
ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่
ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติทางบกและทาางทะเล จำนวน 140 แห่ง แบ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางบก 116 แห่ง
และทางทะเลอีก 24 แห่ง เขตรักษาสัตว์ป่า จำนวน 55 แห่ง วนอุทยาน จำนวน 69 แห่ง
และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น